Our Blogs

ปรับการเผาไหม้ให้ประหยัดเชื้อเพลิง 6 ขั้นตอนสำหรับช่างหน้างาน

ปรับการเผาไหม้ให้ประหยัดเชื้อเพลิง 6 ขั้นตอนสำหรับช่างหน้างาน

เคยสังเกตไหมครับว่าบิลค่าเชื้อเพลิงของโรงงานสูงขึ้น ทั้งที่ยอดการผลิตเท่าเดิม หรือบางครั้งเดินเครื่องน้อยลงด้วยซ้ำ ปัญหาเหล่านี้มักเป็นสัญญาณเตือนภัยเงียบที่ช่างหน้างานหลายคนอาจมองข้ามไป นั่นคือประสิทธิภาพของการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ครับ การปรับการเผาไหม้ให้ประหยัดเชื้อเพลิง จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการลดควันดำหน้าปล่อง แต่เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้บริษัทลดต้นทุนพลังงานได้อย่างมหาศาล วันนี้ผมจึงอยากชวนพี่น้องช่างเทคนิคมาทบทวน 6 ขั้นตอนการปรับจูนระบบเผาไหม้แบบหน้างานจริงที่ทำตามได้ เพื่อให้หม้อไอน้ำ (Boiler) หรือเตาอบอุตสาหกรรมของคุณทำงานได้เต็มประสิทธิภาพครับ

ทำไมต้องปรับจูนการเผาไหม้ให้แม่นยำ

ก่อนจะไปลงมือทำ ผมอยากฉายภาพให้เห็นชัดๆ ก่อนครับว่า ทำไมผมถึงเน้นย้ำเรื่องนี้มาก การเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์เปรียบเสมือนเรากำลังโยนเงินทิ้งไปทางปล่องไอเสียทุกวันครับ หากเราปล่อยให้อากาศเข้าไปผสมกับเชื้อเพลิงมากเกินไป (Excess Air สูง) ความร้อนส่วนหนึ่งจะถูกอากาศพาออกไปทิ้งฟรีๆ ทำให้สูญเสียความร้อนโดยเปล่าประโยชน์

ในทางกลับกัน หากอากาศน้อยเกินไป เชื้อเพลิงเผาไหม้ไม่หมด ก็จะเกิดเขม่า (Soot) ไปเกาะตามท่อไฟ ทำให้การถ่ายเทความร้อนแย่ลง เครื่องจักรต้องเร่งเชื้อเพลิงสู้เพื่อให้ได้ความร้อนเท่าเดิม ผลลัพธ์คือเปลืองน้ำมันและเครื่องพังไวครับ ดังนั้น การหาจุดสมดุลที่พอดีจึงเป็นหน้าที่สำคัญของพวกเราครับ

6 ขั้นตอนปรับการเผาไหม้สำหรับช่างหน้างาน

เพื่อให้การทำงานเป็นระบบและตรวจสอบได้ง่าย ผมสรุปขั้นตอนปฏิบัติมาให้ 6 ข้อ ดังนี้ครับ

1. ตรวจสอบสภาพหัวฉีดและอุปกรณ์จ่ายเชื้อเพลิง

ด่านแรกที่สำคัญที่สุดคือสภาพของหัวฉีด (Nozzle) หรือหัวพ่นไฟครับ ผมแนะนำให้ถอดออกมาตรวจสอบความสะอาดและการสึกหรอ หากรูหัวฉีดสึกหรือบิดเบี้ยว จะทำให้ละอองน้ำมันไม่เป็นฝอยละเอียด (Atomization ไม่ดี) ซึ่งส่งผลให้การเผาไหม้ยากขึ้นและเกิดควันดำได้ง่าย หากพบว่าเก่าหรือตันมาก การเปลี่ยนหัวฉีดใหม่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่าการฝืนใช้ของเดิมครับ

2. ตั้งค่าอัตราส่วนอากาศและเชื้อเพลิง (Air-Fuel Ratio)

นี่คือหัวใจของการปรับจูนครับ เราต้องปรับลิ้นลม (Damper) ให้สัมพันธ์กับการจ่ายเชื้อเพลิง โดยยึดหลักการเติมอากาศส่วนเกิน (Excess Air) ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ไม่มากเกินไปจนสูญเสียความร้อน และไม่น้อยเกินไปจนเกิดเขม่า โดยปกติผมแนะนำให้ใช้เครื่องวิเคราะห์ก๊าซไอเสีย (Flue Gas Analyzer) ช่วยวัดค่าออกซิเจน (O2) ในไอเสีย เพื่อความแม่นยำแทนการกะด้วยสายตาครับ

3. สังเกตสีและลักษณะของเปลวไฟ

แม้เครื่องมือวัดจะสำคัญ แต่ประสบการณ์ของช่างก็ขาดไม่ได้ครับ ผมมักจะส่องดูเปลวไฟในห้องเผาไหม้เสมอ เปลวไฟที่ดีควรจะนิ่ง ไม่กระพือจนน่ากลัว และไม่พุ่งชนผนังเตา สำหรับน้ำมันเตาหรือดีเซล เปลวไฟควรมีสีส้มสว่างหรือเหลืองนวล ปลายเปลวไม่ควรมีควันดำ หากเปลวไฟมีสีแดงเข้มและมีควัน แสดงว่าอากาศน้อยเกินไป แต่ถ้าเปลวไฟขาวจ้าและสั้นกุด อาจแปลว่าลมแรงเกินไปครับ

4. ตรวจเช็กอุณหภูมิปล่องไอเสีย (Stack Temperature)

อุณหภูมิไอเสียบอกสุขภาพของหม้อไอน้ำได้ดีครับ หากอุณหภูมิปล่องสูงผิดปกติ แสดงว่ามีความร้อนที่ไม่ได้ถูกถ่ายเทไปยังน้ำหรือชิ้นงานหลุดรอดออกไป ซึ่งสาเหตุหลักมักมาจากเขม่าที่เกาะหนาในท่อไฟ หรือตะกรัน (Scale) ในฝั่งน้ำ ดังนั้น หากปรับจูนไฟดีแล้วแต่อุณหภูมิไอเสียยังสูง ผมแนะนำให้วางแผนแยงเขม่าหรือล้างตะกรันทันทีครับ

5. ตรวจหารอยรั่วของลมในระบบ

บ่อยครั้งที่ผมพบว่าการปรับจูนที่หัวพ่นไฟทำได้ดีแล้ว แต่ประสิทธิภาพโดยรวมยังต่ำ สาเหตุมาจาก ลมรั่ว (Air Ingress) ครับ โดยเฉพาะตามรอยแตกของอิฐทนไฟ ประเก็นฝาหน้า หรือช่องมองเปลวไฟที่ปิดไม่สนิท อากาศที่รั่วเข้าไปนี้จะไปลดอุณหภูมิในห้องเผาไหม้ ทำให้เราต้องใช้เชื้อเพลิงมากขึ้นเพื่อรักษาอุณหภูมิเดิมไว้ ดังนั้น ต้องหมั่นเดินสำรวจและอุดรอยรั่วเหล่านี้ครับ

6. จดบันทึกค่าพารามิเตอร์สม่ำเสมอ

ขั้นตอนสุดท้ายที่ผมย้ำกับทีมงานเสมอคือ การจดบันทึก (Log Sheet) ครับ ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิน้ำมัน แรงดันลม อุณหภูมิปล่อง หรือค่า O2 จากการวัด ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราเห็นแนวโน้มความผิดปกติได้ก่อนที่เครื่องจักรจะเสียหายหนัก การมีประวัติการทำงานของเครื่องจะช่วยให้การวิเคราะห์ปัญหาในครั้งต่อไปแม่นยำและรวดเร็วขึ้นมากครับ

ผลลัพธ์ของการใส่ใจดูแลระบบเผาไหม้

การที่คุณสละเวลามาปรับตั้งค่าเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้บิลค่าเชื้อเพลิงลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักร ลดความถี่ในการซ่อมบำรุงฉุกเฉิน และช่วยลดมลพิษทางอากาศ ซึ่งดีต่อทั้งโรงงานและชุมชนรอบข้างครับ ผมเชื่อว่าช่างหน้างานทุกคนสามารถทำได้ และนี่คือความภูมิใจของพวกเราที่ได้ช่วยองค์กรประหยัดต้นทุนครับ

หากคุณลองปรับจูนตามนี้แล้ว แต่ยังรู้สึกว่าประสิทธิภาพยังไม่ถึงเป้า หรือสนใจเชื้อเพลิงทางเลือกที่มีคุณภาพสม่ำเสมอเพื่อช่วยให้การเผาไหม้ง่ายขึ้น ลองปรึกษาเราได้ครับ

เชื้อเพลิงทดแทนสำหรับโรงงานของคุณ ปรึกษาฟรี โทร 095-926-9984 | 02-922-2270 | st.smartenergy@gmail.com

บทความล่าสุด

เทคนิคยืดอายุปั๊มน้ำมันและซีล จาก 6 เดือน เป็น 2 ปี ด้วยการดูแลระบบอย่างถูกวิธี

เรียนรู้เทคนิคยืดอายุปั๊มน้ำมันและซีลจาก 6 เดือนเป็น 2 ปี ด้วยการจัดการความหนืด อุณหภูมิ และระบบกรองที่ถูกต้อง เพื่อลดต้นทุนการซ่อมบำรุงในโรงงานของคุณครับ

อ่านเพิ่มเติม

ระบบท่อและฉนวนน้ำมันเตา จัดการอย่างไรไม่ให้สูญเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์

เรียนรู้ความสำคัญของระบบท่อและฉนวนน้ำมันเตา วิธีการเลือกฉนวนที่ถูกต้องเพื่อลดการสูญเสียพลังงานความร้อน และเทคนิคการดูแลรักษาเพื่อประหยัดต้นทุนโรงงานครับ

อ่านเพิ่มเติม

ปรับการเผาไหม้ให้ประหยัดเชื้อเพลิง 6 ขั้นตอนสำหรับช่างหน้างาน

เทคนิคปรับการเผาไหม้เพื่อช่วยประหยัดเชื้อเพลิงและลดต้นทุนพลังงานในโรงงาน ด้วย 6 ขั้นตอนปฏิบัติง่ายๆ ที่ช่างหน้างานสามารถทำได้ทันทีเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

อ่านเพิ่มเติม

ข้อมูลติดต่อ

บริษัท เอส ที สมาร์ท เอ็นเนอร์ยี จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 100/268 หมู่ 3 ต.ไทรม้า อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 โทร. 02-922-2270 หรือ 085-048-8181